
ประวัติสหกรณ์
ชื่อ : สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จำกัด
Maejo University’s Thrift & Credit Cooperative Ltd.
ที่ตั้ง : 63 หมู่ 4 ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ 50290
พ.ศ. 2533 บุคลากรของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่มองเห็นประโยชน์ของการรวมกลุ่มข้าราชการ และลูกจ้างประจำ เพื่อจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการ อุดมการณ์ และวัตถุประสงค์ โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยรองศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ เที่ยงตรง อธิการบดี และผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภร เกตุวราภรณ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารในขณะนั้น เป็นประธานอนุกรรมการจัดตั้งสหกรณ์ฯ ได้จัดให้มีการประชุมครั้งแรกเพื่อจัดตั้งสหกรณ์ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2533 โดยมีสหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่ มาร่วมประชุมและบรรยายให้ความรู้แก่ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ
พ.ศ. 2534 ได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2534 ชื่อสหกรณ์ออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ จำกัด และเริ่มดำเนินงานตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2534 เป็นต้นมา มีสมาชิกแรกตั้ง 118 คน ทุนเรือนหุ้น 46,410 บาท โดยยืมสถานที่ทำงานเป็นอาคารหลังโดมพระราชทานปริญญาบัตร(เดิม) ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวเป็นสำนักงานสหกรณ์ฯ มีคณะกรรมการดำเนินการชุดแรก 11 คน ซึ่งประกอบด้วยศาสตราจารย์(พิเศษ) ดร.ยรรยง สิทธิชัย เป็นประธานกรรมการ อาจารย์กฤษดา ภักดี เป็นเลขานุการ นางสาวรัชนี มหาวันชัยเป็นเหรัญญิก และกรรมการอีก 8 คน โดยมีนางสาวบุษบา ฝั้นแจ้ง (นางบุษบา กาหล) จากงานสภาอาจารย์เป็นผู้ปฏิบัติงาน
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตำแหน่งประธานกรรมการ มีผู้ดำรงตำแหน่งมาแล้ว 4 ท่าน ได้แก่ ศาสตราจารย์(พิเศษ) ดร.ยรรยง สิทธิชัย ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2534 - 2544 ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภร เกตุวราภรณ์ ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2544 - 2547 และ2549 - 2552 อาจารย์ชุมพล รินคำ ดำรงตำแหน่งในปี 2548 รองศาสตราจารย์ ดร.ปรเสริฐ จรรยาสุภาพ ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2553 – ปัจจุบัน
ปี พ.ศ. 2538 สหกรณ์ฯ ได้ย้ายที่การจากอาคารหลังโดมพระราชทานปริญญาบัตร (เดิม) มาอยู่ชั้น 2 อาคารประทีปเสน และใช้เป็นที่ทำการจนถึงปัจจุบัน
วันที่ 5 มิถุนายน 2540 สหกรณ์ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อจากเดิมเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยแมโจ้ จำกัด และกิจการของสหกรณ์ได้เจริญก้าวหน้า ขึ้นตามลำดับ
ปี พ.ศ. 2542 ผู้ช่วยศาสตราจารย์จำนง ยาวิชัย เป็นกรรมการและรักษาการผู้จัดการ ปี พ.ศ. 2543 การดำเนินงานของสหกรณ์ขยายตัวมากขึ้นเป็นลำดับ จำนวนสมาชิก 463 คน เงินรับฝาก 52,346,250.17 บาท ทุนดำเนินงาน 84,892,516.93 บาท คณะกรรมการดำเนินการ จึงมีมติจัดจ้างนางจินตนา นันทนาสิทธิ์ ในตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์จนถึงปัจจุบัน
ปี พ.ศ.2544 สหกรณ์ฯเริ่มจัดสวัสดิการให้แก่สมาชิก ได้แก่ การมอบทุนการศึกษาบุตรสมาชิก เป็นครั้งแรก 20 ทุน ทุนละ 2,500 บาท ในปีต่อๆ มา สหกรณ์ฯ ได้จัดให้มีสวัสดิการอื่นๆ อีก อาทิเช่น สวัสดิการสมาชิกที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี สวัสดิการเพื่อเกื้อกูลสมาชิกอาวุโสที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปี เงินสวัสดิการช่วยเหลือสมาชิกและครอบครัวสมาชิกที่ถึงแก่กรรม เงินสมทบค่าเบี้ยประกันชีวิตกลุ่ม โครงการส่งเสริมวิชาชีพ สุขภาพ และนันทนาการ โครงการค่ายเยาวชนสหกรณ์ สวัสดิการเงินรับขวัญบุตรแรกคลอด สวัสดิการเงินมงคลสมรสสมาชิก และสวัสดิการเงินยืมทดรองจ่ายสมาชิก
ในปี 2543 การดำเนินงานของสหกรณ์ฯ ขยายตัวมากขึ้นเป็นลำดับ ทั้งจำนวนสมาชิก การถือหุ้น การกู้เงิน และการฝากเงิน คณะกรรมการดำเนินการ จึงมีนโยบายให้สหกรณ์ฯ ใช้ระบบโปรแกรมบัญชี ช่วยในการปฏิบัติงาน ประกอบกับในขณะนั้นกรมตรวจบัญชีมีโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้สหกรณ์ออมทรัพย์ได้ใช้โดยไม่คิดมูลค่า อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่ของกรมตรวจบัญชีติดตั้งโปรแกรมและจัดหลักสูตรฝึกอบรมการใช้งานโปรแกรม ตลอดจนคอยดูแลให้คำปรึกษา และช่วยเหลือ ซึ่งสหกรณ์ฯ จึงมีหนังสือขอใช้โปรแกรม และได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ารับการอบรมตามหลักสูตร
ตั้งแต่ พ.ศ. 2544 สหกรณ์ฯ ได้เริ่มใช้โปรแกรมบัญชีสหกรณ์ในระบบยกยอด เพื่อตั้งฐานข้อมูล ในระยะแรก ๆ นั้น ได้ทำคู่ขนานไปกับระบบเดิม หลังจากนั้น ได้ทยอยยกเลิกระบบเดิม
ในปี 2553 สหกรณ์ฯ ได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อฉลอง 20 ปี แห่งการก่อตั้งสหกรณ์ฯ อาทิเช่น จัดทำหนังสือ 20 ปี แห่งการก่อตั้งสหกรณ์ฯ จัดทำโล่เกียรติยศเพื่อมอบให้บุคคลที่มีคุณูปการต่อสหกรณ์ฯ และจะปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดสวัสดิการ อีกทั้งโครงการต่างๆ ทั้งนี้มุ่งเน้นให้เป็นการส่งเสริมการออม และเป็นสวัสดิการแก่สมาชิก และบุคคลในครอบครัว ได้แก่ สวัสดิการมงคลสมรสสมาชิก สวัสดิการเงินรับขวัญบุตรสมาชิกแรกคลอด สวัสดิการเงินยืมทดรองจ่าย สวัสดิการสมาชิกที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี สวัสดิการสมาชิกที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปี สวัสดิการช่วยเหลือสมาชิก หรือครอบครัวสมาชิกที่ถึงแก่กรรม โครงการค่ายเยาวชนสหกรณ์ โครงการฝึกอบรมวิชาชีพ สุขภาพ และนันทนาการ และรับเป็นศูนย์ประสานฌาปนกิจ 2 กอง เป็นต้น
ซึ่งในปีนี้ สหกรณ์ฯ ได้รับอนุมัติให้ใช้อาคารประทีปะเสนทั้งอาคาร และได้รับอนุมัติงบประมาณปรับปรุงสำนักงานสหกรณ์ จากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี จำนวน 2 ล้านบาท เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 แล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2554 จึงได้ย้ายสำนักงานจากชั้น 2 ลงมาชั้นล่างเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2554
ปัจจุบัน สหกรณ์ฯ มีสมาชิกประกอบไปด้วยบุคลากรมหาวิทยาลัยแม่โจ้กว่า 1,100 คน และทุนดำเนินการกว่า 600 ล้านบาท ผู้จัดการและเจ้าหน้าที่สหกรณ์รวม 7 คน สหกรณ์ฯ ได้ใช้โปรแกรมบัญชีสหกรณ์ ทุกๆ ระบบ ครบวงจร การดำเนินงานของสหกรณ์ฯ ได้เจริญก้าวหน้า มั่นคงเป็นที่เชื่อถือแก่สมาชิกและบุคคลทั่วไปมาตามลำดับ จนกระทั่งในปีนี้ สหกรณ์ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาค และรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ระดับประเทศ ด้านการใช้โปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร